ในการจะพิสูจน์ว่า การเวียนว่ายตายเกิดมีจริง ผมจะเสนอวิธีพิสูจน์ จำนวน 5 ประการ เป็นการพิสูจน์โดยอ้อม 3 ประการและพิสูจน์โดยตรง 2 ประการ
หลักการต่างๆ เหล่านั้น มีขอบเขตต่างกัน ดังที่จะได้อธิบายต่อไป ดังนี้
- หลักการพิสูจน์ผิดของคาร์ล ปอปเปอร์
- หลักการของความน่าจะเป็น
- พิสูจน์โดยทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์
- หลักฐานจากพระไตรปิฎก
- วิชาธรรมกาย
1) หลักการพิสูจน์ผิดของคาร์ล ปอปเปอร์
คาร์ล ปอปเปอร์เป็นนักปรัชญาวิทยาศาสตร์ ก่อนหน้าที่คาร์ล ปอปเปอร์จะเสนอทฤษฎีของท่าน ดังที่ผมจะได้นำเสนอต่อไปนั้น ในทางวิทยาศาสตร์ถ้ามีใครเสนอทฤษฎีอะไรขึ้นมา ก็จะหาทางพิสูจน์ให้ได้ทฤษฎีของตนเองมีความถูกต้องอย่างไร
ยกตัวอย่างเช่น
ตอนที่ไอน์สไตน์เสนอทฤษฎีสัมพัทธภาพนั้น ท่านคิดได้จากจินตนาการและสูตรทางฟิสิกส์ ซึ่งต้องใช้คณิตศาสตร์ชั้นสูงในการคำนวณ
ท่านกล่าวว่า จักรวาลนี้มันโค้ง แสงจึงเดินทางเป็นเส้นโค้งไปด้วย และได้บอกวิธีการพิสูจน์ทฤษฎีของท่านไว้ว่า จะต้องไปสังเกตการณ์สุริยุปราคาเต็มดวง แล้วให้ถ่ายรูปดาวไว้ ตั้งแต่ก่อนเกิดปรากฎการณ์และขณะที่เกิดปรากฎการณ์ และบอกด้วยว่า ภาพของดาวที่ถ่ายไว้ขณะเกิดสุริยุปราคาจะห่างจากตำแหน่งเดิมไปกี่ฟิลิปดา
เมื่อเซอร์เอ็ดดิงตันพิสูจน์ได้ ไอน์สไตน์จึงเริ่มเป็นที่ยอมรับในวงวิชาการและมีชื่อเสียงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ขอยกตัวอย่างที่ใกล้ๆ ตัวอีกหน่อยคือเหตุการณ์สึนามิในภาคใต้ของเรา
คุณสมิทธิ์ ธรรมสโรชได้เคยเตือนคนในภูเก็ตไว้ว่า จากการศึกษาของท่าน ภาคใต้ของเรา โดยเฉพาะภูเก็ตอาจจะเกิดสึนามิขึ้นได้
ปรากฏว่า คนภูเก็ตโกรธแค้นเป็นอย่างมาก ในฐานะที่คำพูดของคุณสมิทธิ์อาจจะทำลายการท่องเที่ยวของภูเก็ต มีผู้หลักผู้ใหญ่ในภูเก็ตบางท่านถึงกับประกาศว่าไม่ยอมให้คุณสมิทธ์เข้าภูเก็ต
หลังจากนั้นมา 5 ปี ก็เกิดเหตุการณ์อย่างเช่นคุณสมิทธิ์เคยกล่าวไว้จริงๆ นั่นก็แสดงว่า คุณสมิทธิ์มีความรู้มากกว่า
ถ้าคนภูเก็ตและคนในภาคใต้ทั้งหมดฟังเสียงของคุณสมิทธิ์และเตรียมการป้องกัน อย่างที่เกิดในปัจจุบันนี้ คนไทยคงไม่สูญเสียมากมายอย่างที่เสียมาแล้ว
เหตุการณ์ในทำนองนี้ คาร์ล ปอปเปอร์สนใจศึกษาเป็นอย่างมาก หลังจากศึกษาค้นคว้า จนเข้าใจดีแล้ว คาร์ล ปอปเปอร์สรุปได้ว่า ความรู้ทางวิชาการในแต่ละยุคนั้น อาจจะมีคนที่เก่งเป็นพิเศษ เก่งกว่าคนอื่น หรืออาจจะกล่าวได้ว่า องค์ความรู้ของคนส่วนใหญ่น้อยกว่าบุคคลพิเศษเหล่านั้น
คาร์ล ปอปเปอร์จึงเสนอทฤษฎีพิสูจน์ผิดขึ้นมา ซึ่งมีหลักการว่า ต่อไปจากนี้ ถ้ามีใครเสนอทฤษฎีใดๆ ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์หรือทฤษฎีทางสังคมศาสตร์ ถ้ายังพิสูจน์ไม่ได้ว่า ทฤษฎีนั้นผิด ก็ต้องยอมรับไว้ก่อนว่า ทฤษฎีนั้นๆ เป็นความจริง
เมื่อพิสูจน์ได้เมื่อไหร่ว่า ทฤษฎีนั้นมีข้อผิดพลาด ค่อยสรุปว่าทฤษฎีนั้นไม่จริงหรือไม่ถูกต้อง
หลักการดังกล่าวของคาร์ล ปอปเปอร์เป็นที่ยอมรับกันในหมู่นักวิชาการส่วนใหญ่ ก็มีคนไม่เห็นด้วยบ้างตามหลักของนักปรัชญา
เมื่อนำหลักการดังกล่าวมาใช้กับเรื่อง การเวียนว่ายตายเกิด ซึ่งถ้าเป็นจริง นรก สวรรค์ อิทธิปาฏิหาริย์ ฯลฯ เป็นต้น ก็ต้องเป็นจริงไปด้วย
จะเห็นว่า ยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์หรือนักวิชาการคนใดที่เคยพิสูจน์ได้ว่า เรื่องดังกล่าวเหล่านั้นไม่เป็นความจริง
มีแต่การอ้างทางอ้อมว่า ไม่มีเหตุผล แล้วก็สรุปเอาดื้อๆ ว่า ไม่มี เป็นไม่ได้ เพราะไปเชื่อวิทยาศาสตร์เก่า
ในเมื่อวิทยาศาสตร์เก่าเอง ถูกฟิสิกส์ใหม่พิสูจน์ได้แล้วว่า ไม่ใช่เป็นเครื่องมือในการหา ความรู้ความจริงที่ดี วิทยาศาสตร์เก่าเป็นเพียงวิธีการที่หาความรู้ได้แคบๆ แต่คุยโม้มากไปหน่อย
ในเมื่อความจริงเป็นเช่นนี้ นรก สวรรค์ การเวียนว่ายตายเกิดของศาสนาพุทธก็ควรที่จะกลับมาได้รับความเชื่อว่าเป็น ความจริงเช่นเดิมดังที่เคยเป็นมา...
กำลังศึกษา -นรกสวรรค์
ตอบลบถ้ามีจริงต้องบอกวิธีไปและวิธีกลับ บรรยายภาพที่ไปเห็นมา
ส่วนตัวผม วิธีไปภพภูมิอื่นต้องฝึกฌาณให้สำเร็จ ไปด้ยกายทิพย์
หรือเห็นด้วยตาทิพย์